ทริปฟรีไดฟ์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์
ครั้งนี้ ปี 2568 เป็นครั้งที่ 10 แล้ว ที่ผมได้มาเยือนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ผมมาเที่ยวหมู่เกาะแห่งนี้ครั้งแรก เพราะได้อ่านเรื่อง มหากาพย์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ที่ ดร.ธรณ์ เขียนลงนิตยสาร เล่มนึง เมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่ผมจำไม่ได้แล้ว ว่าเล่มไหน เรื่องราว ของหมู่เกาะที่มีแนวปะการังน้ำตื้น สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทย จุดดำน้ำมากมายที่สวยงาม โดดเด่นแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ปลาการ์ตูนส้มขาว มากกว่า 500 ตัว ที่อ่าวช่องขาด (เป็นอดีตไปแล้ว หลังจากสึนามิ) แนวปะการังเขากวาง กว้างใหญ่ไพศาลที่อ่าวจาก เกาะตอรินลา (เป็นอดีตไปแล้ว เช่นกัน หลังจาก ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่) หลังจากอ่านอยู่หลายรอบ ก็เริ่มวางแผนไปเที่ยว สมัยนั้นการเดินทางไปเกาะสุรินทร์ ยากกว่าตอนนี้มาก จำได้ว่า ต้องนั่งรถ จากขนส่งสายใต้ช่วงหัวค่ำ ถึง คุระบรี พังงา เช้ามืดประมาณ ตี 5 และต้องไปนั่งๆนอนๆ รอเรือออก เรือ speed boat ก็ยังไม่มี นั่งเรือใหญ่กว่าจะถึงเกาะใช้เวลาร่วม 4-5 ชั่วโมง บนเกาะมีไฟฟ้าให้ใช้ถึงแค่ สองทุ่ม หลังจากนั้นจะปิดไฟ ทั้งเกาะมืดสนิท เหลือแค่ไฟ บริเวณห้องน้ำ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใดๆทั้งสิ้น
เร่งเวลา fast forwad มาถึงปัจจุบัน (2568 ตอนผมเขียนบทความนี้) การเดินทางไปเกาะ ง่ายขึ้นมาก เพราะมี speed boat หลายเจ้า เช่น ซาบีน่า กรีนวิวล์ ใช้เวลาจากฝั่งเพียง 1 ชั่วโมง ที่พักก็สะดวกสบาย มีแม้กระทั่งเครื่องปรับอากาศ สัญญาณมือถือก็มีทุกค่าย
พอเด็กๆ ปิดเทอม ผมวางแผนหาวันว่าง จัดทริป ลงตัวช่วงปลายมีนาคม คาบเกี่ยวต้นเมษายน สำหรับเกาะนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ผมว่าเป็นเดือนกุมภาพันธ์ อากาศไม่ร้อนมาก คลื่นลมสงบ มีนาคม เมษายนก็ยังพอใช้ได้ แต่ถ้าหลังช่วงสงกรานต์บางครั้ง จะมีคลื่นลม
เหมือนเช่นทุกคร้้ง ผมชอบเดินทางโดยการขับรถไปเองมากกว่า นั่งเครื่องบิน เรา 6 ชีวิต ออกเดินทาง จากนนทบุรี ประมาณ 5.45 ตามแผนตรงดิ่งไปที่คุระบรีเลย ถึงคุระบุรี ประมาณ 18.00 ตลอดเส้นทางมีทำถนนเป็นระยะๆ เราพักกันที่ แวนนาไม รีสอร์ท ห้องพัก สะอาด กว้างขวาง คุ้มราคา ก่อนเข้าที่พัก เราสอบถามทางรีสอร์ท ให้ช่วยแนะนำร้านอาหาร ร้านใบหญ้า เป็นร้านเล็กๆ ริมถนนใกล้รีสอร์ท อาหารรสชาติดี จานใหญ่มาก ราคาไม่แพง ทานกัน 6 คน สั่งทั้งปู ปลา กับข้าว 6 อย่าง รวมแล้วแค่ พันต้นๆ กินกันไม่ไหว ต้องแพ็กกลับมากินที่ ที่พักต่ออีก
เช้าวันต่อมาก เราเดินทางกับ ทางซาบีน่า ด้วย Speed boat ถึงเกาะประมาณ 11.00 ทานข้าวกลางวันแล้ว คุยกันว่า จะเหมาเรือออกไปดำน้ำครึ่งวันบ่ายดี หรือดำน้ำเล่นหน้าหาดดี เราสรุปกันว่า จะดำเล่นหน้าหาด ครั้งนี้เราพัก ฝั่งอ่าวไม้งาม ข้อดีคือ มีแนวปะการังหน้าหาดเลย แต่ความสวยของวิวทิวทัศน์ ผมว่าฝั่งช่องขาดสวยกว่า แต่ก่อนผมจะพักช่องขาดตลอด แต่พอหลังสึนามี ปะการังบริเวณช่องขาด ถูกพัดหายไปเกือบหมด ผมเลยย้ายมาพักฝั่งอ่าวไม้งามแทน
พวกเรา 6 คนค่อยๆว่ายออกจากหน้าหาดกันไป ติดชูชีพ กับ Buoy ไปด้วยเพื่อความปลอดภัย ว่ายกันพักใหญ่ น้ำยังค่อนข้างตื้น ปะการังค่อนข้างโทรม เจอปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาสีเผื้อบ้าง แต่โดยรวม ไม่ค่อยสวย และน้ำไม่ใสนัก ลูกสองคนเล็กบ่นเหนื่อย โดนแตนเยอะเลยขอกลับก่อนพร้อม แม่ และอาม่า จริงๆอีกแค่ ไม่กี่สิบเมตรก็จะถึงทุ่นผูกเรือ ที่เรือจากที่อื่น จะมาลงดูปะการังบริเวณนั้น เหลือแค่ผม และลูกคนโต ว่ายออกต่อไปออกไปอีกหน่อย ผมจำได้ว่าบริเวณที่เป็นทุ่นผูกเรือ น้ำจะลึกหน่อย และปะการังสวยใช้ได้
ใครจะเชื่อ เพียงแค่ออกมาอีกนิดเดียวเท่านั้น น้ำเริ่มลึกขึ้นประมาณ 5-10 เมตร น้ำใสแจ๋ว ต่างจากด้านในอย่างไม่น่าเชื่อ ปะการังหนาแน่นหลากชนิด ทั้งก้อน สมอง กิ่ง พุ่ม มีปะการังเขากวางสีฟ้า แบบที่ไม่ค่อยเห็นที่อื่น แต่เห็นได้ทั่วไปที่เกาะนี้ ฝูงปลาก็หลากหลาย มีทั้งปลาผีเสื้อนานาพันธ์ สินสมทุร สลิดหิน คงไม่มีที่ไหนแล้วในเมืองไทย ที่ปะการังหน้าที่พัก จะสวยงามขนาดนี้ แม้ว่าจะต้องว่ายออกมาไกลหน่อยก็ตาม จริงๆ ถ้าเราว่ายออกมาช่วงน้ำลงต่ำกว่านี้ น่าจะประหยัดแรงไปได้อีกมาก เพราะสามารถเดินมาใกล้ๆ แนวในที่ลึกได้ แต่อาจเดินยากหน่อย เพราะต้องคอยเลี่ยงปะการังในที่ตื้น
วันที่สองบนเกาะ เราเหมาเรือ ดำน้ำกันทั้งวัน ช่วงเช่า เราแวะกินรี ผมว่าจุดนี้เฉยๆ ไม่ได้สวยกว่า จุดที่เราดำเมื่อวาน ต่อมาเราย้ายมา อ่าวสุเทพ จุดที่ว่ากันว่า นาทีนี้ สวยที่สุด สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พอใส่มาส ฟิน กระโดดลงน้ำ ตูม ภาพแรกที่ปรากฎ คือ ปะการัง หนาแน่น แทบไม่มีที่ว่าง สมบูรณ์ หลากชนิด หลากสีสันต์ เหนือความคาดหมาย ผมเองไม่ได้มา อ่าวสุเทพ หลายปีแล้ว ไม่คิดเลยว่า จะสวยและสมบูรณ์ ขนาดนี้ ราวกับย้อนเวลาไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน สมัยที่ผมมากเกาะนี้ครั้งแรก ปลาผีเสื้อไข่ ผีเสื้อเหลืองอันดามัน สินสมุทรจักรพรรดิ์ สินสมุทรวงฟ้า สินสมุทรหน้ากากเหลือง ปักเป้าหน้าหมา การ์ตูนส้มขาว การ์ตูนอินเดียแดง ปลาเยอะ และหลากหลาย จำไม่ไหว ที่ประทับใจมากคือ ฝูงปลาสาก และหมึกฝูงใหญ่ เสียดายที่กัลปังหาในที่ตื้น ไม่อยู่แล้ว ส่วนกัลปังหาที่ลึกประมาณ 10 เมตร ก็ค่อนข้างโทรม ไม่สวยเท่าไหร่


วันที่สาม ช่วงเช้าเราไปเกาะสตอร์ก เกาะนี้เจอฉลามครีบดำได้ง่ายมาก ผมเคยเจอฉลามที่เกาะนี้เป็นสิบตัว เจอจนเบื่อ แต่รอบนี้เจอแค่ 4 ตัว ตัวแรกตัวเล็ก เจอระยะใกล้ๆ แต่เห็นแวบเดียว อีก 3 ตัว ค่อนข้างใหญ่ แต่เห็นไกลๆไม่ชัดนัก คนเรือบอกเราว่า ระยะหลัง ฉลามไม่ชุมเหมือนแต่ก่อน ไม่แน่ใจวาเพราะอะไรเหมือนกัน ต่อมาเราย้ายจุดมาที่อ่าวจาก ปะการังสวยงามพอสมควร แต่ส่วนตัวคิดว่ายังห่างไกลจากสุเทพ ขากลับ เข้าฝั่ง ที่ต้องผ่านอ่าวกระทิง คนเรือชาวมอร์แกน เห็นเต่า เรียกให้พวกเราดู เต่ากระมากินหญ้าทะเล พอดูดีๆ เราเจอเต่าพร้อมๆกันถึง 4 ตัว เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นเต่าพร้อมๆกันเยอะขนาดนี้ พวกมันมากินหญ้าทะเล และก็ขึ้นมาหายใจเป็นระยะๆ
ช่วงบ่ายมีเวลาว่าง เด็กๆเลยมาดักรอดูลูกฉลามที่เราเคยเจอบริเวณป่าโกงกาง ครั้งนี้น่าเสียดาย ลูกฉลามไม่เข้ามา เราเลยเล่นน้ำ ดำน้ำเล่นดูฝูงปลาในที่ตื้นกัน บรรยากาศของเกาะสุรินทร์ มีกลิ่นอายไม่เหมือนที่ไหน มีความสงบ ลึกลับ น่าหลงใหล บางอย่างที่ อธิบายไม่ถูก เราเล่นน้ำอยู่พักใหญ่ ทานข้าวเสร็จ ก็พักผ่อนกัน


วันที่สี่ วันสุดท้ายแล้ว ที่เราจะอยู่บนเกาะ คิดแล้วก็ใจหาย เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็ว ตอนแรก ว่าจะพักผ่อนสบายๆ รอเวลากลับ เพราะกลัวว่าถ้าออกไปดำน้ำ จะกลับมา เก็บของไม่ทัน เช็คเอาท์ แต่ลูกชายคนโตอยากไปหา ฉลามเสือที่ หินกอง ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ไม่ได้มากันบ่อยๆ ลุยยย เราไปลอยตัว เฝ้าดูที่หินกองพักใหญ่ ฝูงปลามากมาย ปลาค้างคาวรับแขก วนมาให้ถ่ายรูป ไม่ยอมไปไหน สักพัก คนเรือตะโกน ฉลามมมม ผมรีบตีฟินอย่างเร็ว เห็นเงา ปลาขนาดใหญ่ สามตัว ว่ายตามกันมา แวบแรก ดีใจมาก คิดว่า โชคดีอะไรขนาดนี้ เห็นว่า แถวนี้มีฉลามเสือ 3 ตัว เราเห็นพร้อมกัน 3 ตัวเลย แต่พอดูใกล้ๆ ขนาดเล็กกว่าที่จะเป็นฉลามเสือ กลายเป็น ฉลามครีบดำว่ายตามกันมา 3 ตัว แง เสียใจ ก่อนกลับ เราแวะกันที่อ่าวเต่า คุณภรรยา และลูกสาวคนเล็ก อยากลองมุดน้ำบ้าง เราเลยหัดดำเล่นกันแถวๆ น้ำตื้น ก่อนที่จะกลับที่พัก เก็บของ เช็คเอาท์ รอเรือกลับฝั่ง ขากลับ เราแวะพักชุมพร หนึ่งคืน ก่อนขับรถยาวกลับบ้านวันรุ่งขึ้น พักที่บ้านบัว ที่พักราคาย่อมเยาว์ มีอาหารเช้าง่ายๆให้ทานด้วย ของหวาน ข้าวเหนียวสังขยา ก็อร่อยทีเดียว
ทริปนี้ แม้ว่า เราจะได้ไม่เจอนกแก้วหัวโหนดที่ผักกาด ไม่ได้เจอฉลามเสือที่หินกอง คลาดกับวาฬเพชฌฆาตเทียมฝูงใหญ่ที่เพิ่งแวะมาก่อนเรามาถึงไม่กีวัน แต่ปะการังที่หนาแน่น แสนสมบูรณ์ที่สุเทพ ส้มขาวแสนน่ารัก การ์ตูนปานดำ ฝูงปลาสาก ฝูงหมึก ปลาปากแตรไล่กินฝูงปลาเล็ก ปลาสิงโต ปลากระเบนจุดฟ้าที่เราเพียงเดินเล่นสำรวจก็ได้พบเจอ ทำให้ผมยิ้มได้ ว่า ทะเลไทยยังไม่สิ้นหวัง หวังว่า ปราการด่านสุดท้ายของทะเลไทยแห่งนี้ จะคงอยู่ตลอดไปให้ลูกๆหลานๆ ได้ชื่นชมความงดงาม ฝันว่าวันนึง ทุกอ่าว ทุกจุด จะกลับมาสวยงามดังเดิม แล้วพบกันใหม่นะ เกาะสุรินทร์